เปิดยุทธการ “ตัดหมอกเวียงแหง” ล้างบางเจ้าหน้าที่รัฐ ภัยความมั่นคง คนต่างด้าวสวมสิทธิทำบัตรประชาชน
.
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมกับ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามการปฏิบัติงานและร่วมกันแถลงข่าวการดำเนินคดีกับขบวนการนำคนต่างด้าวมาสวมสิทธิทำบัตรประชาชนในพื้นที่อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งการแถลงผลปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ในชื่อ “ยุทธการสกัดยานรก” ครับ

สำหรับยุทธการ “ตัดหมอกเวียงแหง” สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับการแจ้งเบาะแสการทุจริต และเรียกรับผลประโยชน์จากเจ้าหน้าที่รัฐในกระบวนการขอสัญชาติและสถานะบุคคลในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงมอบหมายให้กองกิจการอำนวยความยุติธรรม ทำการสืบสวนเป็นสำนวนสืบสวนที่ 132/2568 ทางการสืบสวนพบมูลความผิดอาญาจึงประสานข้อมูลกับบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ในการขอหมายจับและหมายค้นของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ในความผิดฐานในความผิดฐานร่วมกันกระทำการเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นมีชื่อหรือมีรายการในทะเบียนบ้านหรือเอกสารการทะเบียนราษฎรอื่นโดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต รวมทั้งความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง

ต่อมา วันที่ 18 – 19 พฤศจิกายน 2568 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจตรีเกรียงไกร สืบสัมพันธ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม นายสมชาย ติไชย ผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 และเจ้าหน้าที่กองกิจการอำนวยความยุติธรรมและศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้บูรณาการตามมาตรา 22/1 แห่งพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษฯ ร่วมกับ 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมการปกครอง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ร่วมปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมตามหมายจับและหมายค้นของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ในพื้นที่เชียงใหม่ พะเยา กรุงเทพมหานคร และสมุทรสาคร เป็นหมายจับบุคคลประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 10 ราย ประกอบด้วย นายอำเภอ 1 ราย ปลัดอำเภอ 2 ราย ลูกจ้างอำเภอ 4 ราย และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จำนวน 3 ราย พลเรือน จำนวน 3 ราย ได้แก่ พยานรับรองเท็จ 1 รายและบุคคลผู้ทุจริตรายการ เป็นบุคคลสัญชาติจีนที่มาสวมตัวทำบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน (บัตรหัวเลข 0) จำนวน 1 ราย และบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นนายหน้า จำนวน 1 ราย รวมผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 13 ราย

ทั้งนี้ มีการตรวจค้นพื้นที่จำนวน 3 แห่ง และมีการตรวจยึดสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เช่น โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร สมุดจดบันทึก หลักฐานการโอนเงิน และเอกสารหลักฐานอื่นที่แสดงความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริตทางทะเบียนราษฎร โดยนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ดำเนินการต่อไป

ปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี และกระทรวงยุติธรรม ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย ตามนโยบายล้างบาง “กลุ่มจีนเทา” และคนต่างด้าวที่เป็นเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้ช่องทางการสวมตัวเป็นบุคคลสัญชาติไทย เพื่อมาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิดหรือหลบซ่อนตัว โดยได้สั่งการให้กองกิจการอำนวยความยุติธรรม และกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค โดยศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 ร่วมบูรณาการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และบูรณาการตรวจค้นจับกุม เพื่อปราบปรามและดำเนินคดีกับขบวนการทุจริตเพื่อให้คนต่างด้าวมีสิทธิอาศัยถาวรในประเทศไทย ภายใต้ยุทธการ “ตัดหมอกเวียงแหง” ในครั้งนี้อย่างต่อเนื่องต่อไปครับ

อีกหนึ่งปฏิบัติการของวันนี้ คือ “ยุทธการสกัดยานรก” ระหว่างวันที่ 13 – 19 พ.ย. 2568 โดยตำรวจภูธรภาค 5 บูรณาการร่วมกับ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร และสำนักงาน ป.ป.ส. สกัดกั้นปราบปรามจับกุมยาเสพติดได้ 3 คดี ยาบ้ารวมประมาณ 11 ล้านเม็ด ไอซ์ จำนวน 500 กก. และอายัดทรัพย์สินจากขบวนการค้ายาเสพติดได้หลายรายการ ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม โดยมีความเด็ดขาดในการสกัดกั้นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดตั้งแต่ชายแดนจนถึงพื้นที่ชั้นในของประเทศครับ

ขอขอบคุณเครดิตภาพข่าว
ภักดี คะวีรัตน์
ที่ปรึกษาสำนักข่าวภูมิภาค
รายงาน
