ป.ป.ช. ยังไม่บรรจุวาระ พิจารณาคดี “บิ๊กโจ๊ก” กับพวก ถูกกล่าวหา ปมเส้นเงินเอี่ยวเว็บพนัน เข้าที่ประชุม หลัง พนักงานสอบสวน ส่งสำนวนให้พิจารณา ตั้งแต่ เดือน ธ.ค. 66
ความคืบหน้า กรณีที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มาดูแลในคดีนี้ที่เเยกเป็นสองสำนวน เเถลง
ข่าว ล่าสุด ว่า สำนวนที่พาดพิงพลตำรวจเอกสุรเขษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.เเละพวกรวมห้านายนั้นเ ได้ส่งไปให้สำนักงาน ป.ป.ช.พิจารณา ซึ่ง พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ระบุว่าได้ประสานนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการปปช.ว่า สำนวนคดีเว็บพนันมินนี่แบ่งเป็นสองสำนวน โดยสำนวนแรกนั้นมีผู้ถูกกล่าวหา61คน และเป็นตำรวจ 8 นาย ซึ่งเป็นลูกน้องรองผบ.ตร. ถูกกล่าวหารวมอยู่ด้วยนั้น สำนวนนี้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องคืนพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการต่อไปแล้ว
เเหล่งข่าว ใน ป.ป.ช.กล่าวว่า ส่วนสำนวนที่พนักงานสอบสวนส่งถึงป.ป.ช.และกล่าวหาว่า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ และพวกรวมห้านายว่า อาจพัวพันเงินจากเว็บพนันในสำนวนแรกนั้น พนักงานสอบสวน รวมทั้งอัยการขอให้ ป.ป.ช.พิจารณาว่าป.ป.ช.จะรับไว้ไต่สวนเองหรือส่งคืนกลับ ให้พนักงานสอบสวย ภายใน 30 วันนั้น โดยส่งหนังสือไป ป.ป.ช.ตั้งเเต่ปลายเดือน ธ
.ค. 2566
พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยังเเถลง ด้วยว่า พนักงานสอบสวนต้องการนำกลับมาพิจารณาเพราะเป็นคดีต่อเนื่องกับคดีเเรก โดยจะตั้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา149เเละ157กับรองผบ.ตร.เเละพวก รวมทัังข้อหาฟอกเงินด้วยหากปปช.ส่งสำนวนที่อ้างถึงรองผบ.ตร.เเละพวกกลับคืนมา เเละพนักงานสอบสวนน่าจะใช้เวลาไม่นานในการสั่งฟ้องเพราะดำเนินการสอบสวนมาระยะหนึ่งเเล้ว เเม้นายนิวัติไชยจะเคยบอกว่า ปปช.รับสำนวนดังกล่าวแล้วและจะตรวจสอบข้อเท็จริงโดยจะเชิญบุคคลและเอกสารมาสอบถามว่ารับผลประโยชน์จากเว็บพนันและได้รับค่าใช้จ่ายจริงหรือไม่นั้น
แหล่งข่าว ใน ป.ป.ช. ยังกล่าวว่า กรณีที่ นายนิวัติไชย ระบุนั้น เลขาธิการ ป.ป.ช.อาจอ้างถึงอำนาจตามมาตรา61แห่งพรป.ปปช แต่ทราบว่าพนักงานสอบสวนได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการปปช.เเล้วมีข้อตกลงชั้นต้นว่า หากปปช.จะรับสำนวนที่กล่าวถึงพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์และพวกไว้พิจารณานั้นต้องดำเนินการตา มาตรา63และ66แห่งพรป.ปปช.เเละปปช.ไม่ควรอ้างมาตรา61เเห่งพรป.ปปช.เพื่อขอพิจจารณาสำนวนที่สองไว้พิจารณาเอง เหตุนี้จะกระทำไม่ได้ ปปช.ควรใช้มาตรา63เเห่งพรป.ปปช.ส่งสำนวนคืนพนักงานสอบสวนตามที่ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติกล่าวในการเเถลงข่าวครั้งล่าสุดเพื่อความต่อเนื่องของคดี
ทั้งนี้ หากไล่ห้วงเวลานั้นพบว่าพนักงานสอบสวนส่งสำนวนที่กล่าวถึงพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ และพวกมาให้ ป.ป.ช.ลงวันที่27ธค.2566 แต่วาระการประชุมคณะกรรมการปปช.ในเดือนมค.-กลางเดือนกพ.2567 นั้นน่าสังเกตว่าไม่มีการบรรจุวาระนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.แต่อย่างใด และตอนนี้กำลังตรวจสอบว่าหนังสือดังกล่าวที่พนักงานสอบสวน ส่งมาเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2566 นั้น ฝ่ายใดเป็นผู้รับหนังสือและออกเลขรับหนังสือ
“หากไล่เรียงขั้นตอนการทำงานของปปช.ทั้งหมดตามการพิจารณาการร้องเรียน-สำนวนคดีนั้น ปปช. จะมีชั้นการทำงาน 6 ระดับคือ 1. เจ้าของสำนวนพิจารณาคำร้อง-ข้อกล่าวหาว่ามีมูลหรือไม่ 2.ส่งให้ผอ.ไต่สวนการทุจริตภาครัฐ1พิจารณา 3.ส่งให้ผู้ช่วยเลขาธิการปปช.พิจารณา 4.ส่งให้คณะอนุกรรมการไต่สวนไต่สวนการทุจริตภาครัฐ1พิจารณา 5.ส่งให้ประธานปปช.พิจารณาว่าจะบรรจุเข้าวาระการประชุมหรือไม่ 6.เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการปปช. พิจารณา
ขั้นตอนเหล่านี้จะใช้เวลานาน เพราะตามหลักกฎหมายปปช.ต้องดำเนินคดีให้แล้วเสร็จภายในสองปี และต่ออายุได้อีกหนึ่งปี รวมสามปี
แหล่งข่าว ยังระบุด้วยว่า สิ่งที่เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวไว้ล่าสุดนั้น พบว่า ยังไม่มีการบรรจุวาระเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ในสำนวนกล่าวถึงพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์และพวก เสนอให้กรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาให้ความเห็นว่าสำนักงานปปช.จะรับสำนวนนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ และการจะระบุว่าปปช.จะรับ/ไม่รับวาระดังกล่าวไว้พิจารณานั้น ต้องเป็นมติคณะกรรมการปปช. เท่านั้น เลขาธิการ/รองเลขาธิการ/ผู้ช่วยเลขาธิการป.ป.ช.หรือ ผอ.สำนักไต่สวนต่างๆหรือคณะอนุกรรมการไต่สวน ปปช.จะระบุว่าปปช.มีอำนาจรับ/ไม่รับคำร้องนั้นไว้พิจารณาด้วยตัวเองไม่ได้
“พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ การจะรับคดีไว้พิจารณาหรือไม่ ต้องผ่านมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.เท่านั้น
“
แหล่งข่าวกล่าวว่าทราบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว(27ธค.2566-11มค.2567)ที่พนักงานสอบสวนส่งหนังสือมายัง ป.ป.ช.(27ธค.2566)นั้น ทราบว่านางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการปปช.ที่หมดวาระ ในวันที่11มค.2567เป็นผู้ลงนามรับหนังสือเเละส่งเข้าสำนักงานไต่สวนภาครัฐ1 (สตร.1) ป.ป.ช.ที่ดูเเลตำรวจเเละไม่ได้เเจ้งกรรมการ ป.ป.ช.ให้ทราบ เพราะวันที่ 12 ม.ค.2567นายเอกวิทย์ วัชขวัลคุ ปปช.คนใหม่มารับหน้าที่ต่อจากนางสาวสุภา จึงไม่ทราบเรื่องเเต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ มีกำหนดการแถลงข่าวชี้แจง กรณีที่เกิดขึ้นต่อสื่อมวลชน ในวันพรุ่งนี้ (22 ก.พ.67) เวลา 10:00 น. ที่สโมสรตำรวจ
ขอบคุณเครดิตภาพข่าว//ข่าวภูมิภาค