ใช้รถบิ๊กไบค์ลำเลียงยาเสพติด พบยาบ้า1,890,000 เม็ด 

📍เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 4 มี.ค.2567 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ร่วมโดย ปป.2 สำนักงาน ป.ป.ส.ภายใต้การอำนวยการของ นายนพดล นุใหม่ ผอ.ปป.2 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 5 พล.ท.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผบ.นบ.ยส.35 พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก. กก.2 บก.ปส.3 พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดขยายผล ศอ.ปส.ภ.5 , กก.สส.ภ.จว.เชียงราย, กก.2 บก.ปส.3, สภ.บ้านดู่ เจ้าหน้าที่ ศรภ. นบ.ยส.35 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 6 คน พร้อมรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ จำนวน 6 คัน ยาบ้าประมาณ 1,890,000 เม็ด

 

โดยการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติด นำยาบ้าจำนวนมากจากพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อไปส่งปลายทางจังหวัดลพบุรี โดยใช้ยานพาหนะเป็นรถบิ๊กไบค์ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบและติดตามจนกระทั่งพบว่า มีกลุ่มบิ๊กไบค์จำนวน 6 คัน ได้เข้ามาพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ บ้านขัวแคร่ ต.บ้าน อ.เมือง จ.เชียงราย จึงได้นำกำลังเข้าทำการตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ จอดอยู่ภายในรีสอร์ทดังกล่าว จึงได้เข้าทำการตรวจค้น โดยพบผู้ต้องหาจำนวน 6 คน ทราบชื่อคือ นายสัมฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ชาว ต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ นายเจริญ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ชาว ต.หนองคล้า อ.ไทรงาม จ.พิษณุโลก นายขจรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ชาว ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายฉัตรมงคล (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ต.บ้านกร่าง อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย นายชิษณุพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ชาว ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และนายพุฒิพงศ์ (สงวนนามสกุล) ชาว ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นรถบิ๊กไบค์ที่จอดอยู่ พบว่าบริเวณถังสัมภาระข้างตัวรถของรถบิ๊กไบค์จำนวน 5 คัน มียาบ้าซุกซ่อนอยู่ จึงได้นำออกมาตรวจนับรวมจำนวนประมาณ 1,890,000 เม็ด ขอเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางเอาไว้ 

 

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 6 คัน ใช้เป็นรถนำทางและสำรวจเส้นทาง 1 คัน อีก 5 คันใช้บรรทุกยาเสพติด ซึ่งการใช้รถบิ๊กไบค์ในการลำเลียงยาเสพติดทำให้เจ้าหน้าที่สกัดจับกุมได้ยากเนื่องจากรถบิ๊กไบค์ ใช้ความเร็วและสามารถไปตามเส้นทางหมู่บ้าน ที่เลี่ยงเส้นทางหลัก 

 

สำหับพฤติกรรมการใช้รถบิ๊กไบค์ในการลำเลียงยาเสพติดครั้งนี้พบเป็นครั้งแรก คาดว่าเป็นการพลิกแพลงการลำเลียงเพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ซึ่งคล้ายกับกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดในต่างประเทศ ที่ใช้รถบิ๊กไบค์ในการลำเลียงยาเสพติด โดยหลังจากทำการจับกุมแล้วเจ้าหน้าที่จะได้ทำการขยายผลยึดทรัพย์ในขั้นตอนต่อไป

ขอบคุณเครดิตภาพข่าว//ข่าวภูมิภาค

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ร้อง ก.ร.ตร. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกรณีกล่าวหา พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.กับพวกรวมถึงเครือข่ายอาจเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์และซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ ก.ร.ตร.เป็นผู้รับเรื่อง​ที่สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า พยานหลักฐานเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการซื้อขายตำแหน่งและการชำระเงินระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ได้แก่ ข้อมูลของ น.ส.จุฑาทิพย์ ซึ่งมีประวัติเคยถูกออกหมายจับในคดีฉ้อโกง และถูกอ้างว่าใกล้ชิดบุคคลสำคัญที่อาจระคายเคืองสถาบันฯ อีกทั้งรายละเอียดการซื้อขายตำแหน่งระดับผู้กำกับ พร้อมหลักฐานการชำระเงิน ข้อความแชทไลน์ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการเลื่อนตำแหน่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 ภาพแชทไลน์เกี่ยวกับการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู และผ้าไหมให้กับภรรยา รวมถึงไฟล์คลิปเสียง พร้อมร้องขอให้ ก.ร.ตร. ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ และ น.ส.จุฑาทิพย์ พร้อมพวกในเครือข่าย ซึ่งการร้องเรียนในครั้งนี้มุ่งกล่าวโทษว่าการกระทำของบุคคลกลุ่มดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 87 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยได้ร้องขอให้มีการดำเนินคดีทั้งมาตรการทางอาญา และมาตรการทางแพ่ง (ปปง.ยึดทรัพย์) ในวันที่ 26 พ.ย. 68 เตรียมเปิดเผยชื่อและนามสกุลจริง ของบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อหน้าคณะกรรมาธิการ โดยยืนยันว่าไม่เกรงกลัวต่อการถูกฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท พร้อมทั้งกล่าวให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ออกมาชี้แจงกรณีแชทไลน์ที่ถูกเปิดเผย ว่าไม่ใช่แชทไลน์ของตนและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ น.ส.จุฑาทิพย์ นายอัจฉริยะ ฝากถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ 25 พ.ย. 68 เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้มีคำสั่ง ย้าย พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พ้นจาก ผบ.ตร. หากนายอนุทินยังไม่ดำเนินการโยกย้าย ผบ.ตร. นายอัจฉริยะจะดำเนินการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินคดีกับนายอนุทิน ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 นายอัจฉริยะ กล่าวเปิดโปงเรื่องภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ที่จีนเทาจ้างนางแบบต่างประเทศเข้ามามีเพศสัมพันธ์ในเรือนจำว่า ตนไม่คิดว่าจะกล้าจัดฮาเร็ม ในห้องทำงานของผบ.เรือนจำ เพราะพื้นที่ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมีคำว่าพิเศษ การที่จัดให้มีสาวๆส่งตรงมาจากเมืองนอก และมาบำเรอกามให้นักโทษจีน หรือนักโทษวีไอพี ไม่ใช่แค่ตัวผู้ต้องหาแต่อาจจะมีผู้คุมหรือใครบางคนที่อยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพอาจจะร่วมเพศสัมพันธ์ด้วย ตนทราบข้อมูลเชิงลึก และมีการขยายผลไปมันจะมีอีกหลายเรื่องที่ตามมาการที่ตนเคยเข้าไปในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ การที่จะเอานักโทษออกมาจากเรือนจำในวันอาทิตย์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเขาจะต้องเบิกตัวตามขั้นตอนต่างๆ ซึ่งการที่มีนางแบบบริการทางเพศนำมาจากต่างประเทศ และนำเข้าห้องของผู้บัญชาการเรือนจำเรื่องนี้ไม่ยาก แต่การที่นำลงมาไปอยู่ในห้องเชือด ให้นักโทษมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก และเป็นเรื่องที่อัปยศอดสูที่สุดในสถานที่กักขังผู้ต้องหา ทั้งที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีมองว่าควรจะย้าย หรือไม่ก็ต้องไล่ออกจากข้าราชการ และต้องติดคุกด้วย เราต้องทำความจริงให้ปรากฏ ในเรือนจำมีกล้องวงจรปิดการที่จะเข้าออกหาหลักฐานได้ไม่ยาก และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่บัดซบมากๆพูดไปที่ไหนก็อาย ไม่ได้มีเฉพาะวงการตำรวจ มีทุกวงการในขณะนี้เรากำลังทำความสะอาดบ้านเมือง คิวต่อไปจะเป็นกรมศุลกากรที่มีการเรียกรับสินบนเป็น พันล้านบาทต่อเดือน ทำให้รัฐบาลเสียหายจากการไม่ได้รับภาษีมากกว่าแสนล้านบาทต่อปี โดยเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรหลายด่าน ที่เรามีหลักฐานอยู่ในมือ รวมถึงอธิบดีกรมศุลกากรบางคนที่เรามีหลักฐานเส้นทางการเงินไปถึง และอยู่ในมือของ ปปช. แล้ว บางส่วน และย้ำว่าทุกวงการตอนนี้ถ้าให้เปิดเรื่องมีแต่เรื่องสกปรก แม้กระทั่งสำนักงาน ปปง. เรามีสมุดเล่มแดงเล่มหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการบริการคนจีนสีเทาตั้งแต่สมัยตู้ห่าว และมีการจัดปาร์ตี้อยู่ที่สำนักงานปปง. เราจะไล่ทีละหน่วยงานในปี 2569 จะเป็นปีที่ล้างบางระบบข้าราชการทุกแห่งในประเทศไทยที่มีการทุจริต และอยากจะฝากถึงนาย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่าตนยินดีร่วมมือกับนายกรัฐมนตรีในการปราบปรามการทุจริต ซึ่งเรามีชื่อ มีข้อมูล มีภาพถ่าย มีหลักฐานครบถ้วนทุกหน่วยงาน ถ้าหากท่านอยากได้เอาไปใช้ในการบริหารประเทศในการปราบปรามทุจริต และมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำ
หวิดดับ​ ด.ต.ควบ​ จยย.คุมรถผู้ต้องขังพบอุบัติเหตุเบรคไม่ทันพุ่งชนท้ายรถเรือนจำที่คุมมาได้รับบาดเจ็บ
เปิดยุทธการ “ตัดหมอกเวียงแหง” ล้างบางเจ้าหน้าที่รัฐ ภัยความมั่นคง คนต่างด้าวสวมสิทธิทำบัตรประชาชน

ข่าวน่าสนใจ

Copyright © 2023 สํานักข่าวภูมิภาค.com All rights reserved.